สินเชื่อเงินสด ก็คือสัญญาการกู้ยืมประเภทหนึ่งที่ผู้สมัครได้มีการผูกมัดกับธนาคารว่าจะมีการใช้หนี้คืนให้กับธนาคารพร้อมทั้งดอกเบี้ยให้ในภายหลัง หลังจากที่ได้รับเงินจากธนาคารมาแล้ว หรือเรียกง่าย ๆ ว่า สินเชื่อเงินด่วน ก็คือการกู้เงินแบบด่วน ๆ หรือแทบจะตลอดเวลาได้จากธนาคารนั่นเอง โดยส่วนใหญ่แล้วทางธนาคารจะปล่อยสินเชื่อประเภทนี้ให้กับผู้ที่มีรายได้หรือเงินเดือนที่แน่นอน เนื่องจากธนาคารจะมั่นใจได้ว่าผู้กู้มีความสามารถในการใช้หนี้ให้กับธนาคารได้ โดยหลักการในการพิจารณาสินเชื่อของธนาคารคือสลิปเงินเดือน หรือเอกสารแสดงรายได้ที่ได้รับเป็นประจำจากผู้กู้ ทั้งนี้ สินเชื่อเงินด่วน แบ่งออกได้เป็น 3 รูปแบบประกอบด้วย

        บัตรเครดิต ถือเป็นสินเชื่อจากธนาคารในลำดับต้น ๆ ที่มีการปล่อยให้บุคคลทั่วไปกู้กันมาเป็นระยะเวลานาน ส่วนวงเงินสินเชื่อจะได้เท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่กับฐานเงินเดือนที่ได้รับ โดยสินเชื่อบัตรเครดิตนับว่าเป็นที่นิยมอย่างมากโดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนที่ไม่ได้มีเงินสดเอาไว้ใช้ตลอดเวลา ยิ่งในยุค 5G นี้ เวลาจะใช้จ่ายอะไรด้วยบัตรเครดิตก็ง่ายแสนง่าย เพราะเปรียบเสมือนว่าทางธนาคารจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ก่อน แล้วค่อยมาเรียกเก็บกับเจ้าของบัตรในภายหลัง แต่ข้อเสียของการใช้บัตรเครดิตคือ จะต้องระมัดระวังในการใช้จ่ายที่ไม่มากเกินไป เพราะยิ่งใช้มากก็เหมือนกับการสร้างหนี้ที่มากเป็นเงาตามตัว ทำให้ดอกเบี้ยการใช้บัตรสูงตามไปด้วย โดยดอกเบี้ยจะอยู่ที่ไม่เกิน 20% ต่อปี

        บัตรกดเงินสด เป็นสินเชื่อประเภทเดียวกับบัตรเครดิต แตกต่างกันตรงที่บัตรกดเงินสด ใช้ได้เฉพาะการกดเงินสดมาใช้จ่ายเท่านั้น ไม่สามารถใช้รูดซื้อสินค้าหรือบริการเหมือนกับบัตรเครดิตได้ บัตรเงินสดเหมาะสำหรับการใช้จ่ายกับร้านค้าที่ไม่รับชำระค่าสินค้าหรือบริการจากบัตรเครดิต และสาเหตุที่ได้รับความนิยมเป็นลำดับรองลงมาจากบัตรเครดิตก็เพราะเป็นการยืมเงินสดจากธนาคารมาใช้จ่ายไปก่อน กรณีที่มีเงินสดติดตัวไม่เพียงพอ อัตราดอกเบี้ยของบัตรกดเงินสดจะสูงกว่าบัตรเครดิตคือ เฉลี่ยอยู่ที่ 28% ต่อปี

        สินเชื่อส่วนบุคคล เป็นกรณีของการขอกู้ยืมเงินก้อนจากธนาคาร โดยสัญญาว่าจะมีการชำระคืนเป็นงวด ๆ พร้อมดอกเบี้ยภายในระยะเวลาที่กำหนดตั้งแต่ 3 – 5 ปี โดยที่วงเงินสินเชื่อส่วนบุคคลส่วนใหญ่จะอนุมัติที่ 5 เท่าของเงินเดือน และจะคิดดอกเบี้ยสูงสุดอยู่ที่ 28% ต่อปี

        จะเห็นได้ว่าการขอสินเชื่อจากธนาคารนั้น ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อประเภทไหนก็ให้ประโยชน์ด้านการนำมาใช้จ่ายในยามที่จำเป็นต่อผู้กู้ได้ทั้งนั้น ซึ่งจุดนี้คือข้อดีของการสมัครสินเชื่อกับธนาคาร แต่ทุกเรื่องย่อมมี 2 ด้าน เมื่อมีข้อดีแล้วก็ต้องรู้ถึงข้อจำกัดด้วย กล่าวคือหากไม่ระมัดระวังในการใช้จ่าย ก็อาจติดปัญหาการชำระหนี้ไม่ทันกำหนด ทำให้ต้องชำระดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น หรือไม่สามารถหาเงินมาใช้หนี้ได้และค้างจ่ายต่อเนื่องเป็นระยะเวลาหนึ่ง ก็จะกลายเป็นหนี้เสียที่ถูกตามฟ้องร้องทางกฎหมายได้ ดังนั้น เมื่อใช้บริการบัตรเครดิตและสินเชื่อ ต้องมีการใช้จ่ายอย่างระมัดระวังในทุกกรณี  อย่างไรก็ตาม อย่าลืมศึกษาสินเชื่อธุรกิจ (เพิ่มเติม: https://krungthai.com/th/content/sme) หรือสินเชื่อSMEไว้ด้วยนะ

ที่มาข้อมูล

https://moneyhub.in.th/article/cash-loan-4/