หน้าหลัก | แบบบ้านสร้างสุขใจ | ผลงานรับสร้างบ้าน | วัสดุ | ก่อสร้าง | สัญญา | แบบฟอร์มสร้างบ้าน | บอร์ด | ติดต่อสร้างสุขใจ |
โรคหูดับฉับพัน เส้นประสาทหูเสื่อมฉับพัน อาการจะไม่เหมือน โรค ระดับนำในหูไม่เท่ากัน | |||||||
โรคหูดับ
ชเนษฎ์ ศรีสุโข [ginfreeces@hotmail.com] นักศึกษาแพทย์ ปี5 ม.รังสิต-โรงพยาบาลราชวิถี เรียบเรียง | |||||||
ผู้ตั้งกระทู้ จะมีประโยชน์ต่อผู้อื่นไม่มากก็น้อย :: วันที่ลงประกาศ 2010-03-05 08:12:02 IP : 124.121.74.108 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (3159856) | |
“ อาการปวดศีรษะ " หูดับ" หมายถึง อาการที่หูไม่ได้ยินเสียงเลย หรือได้ยินเสียงน้อยลง ซึ่งอาจเกิดข้างเดียวหรือทั้งสองข้างก็ได้ แต่ส่วนใหญ่เกิดขึ้นกับหูเพียงข้างเดียว โดยที่อาการดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างทันทีทันใด ภาษาอังกฤษเรียกว่า sudden hearing loss เรียกย่อๆ ว่า SHL
ในทางทฤษฎีแล้วนั้น โรค สาเหตุ ส่วนใหญ่โรค 1. รายงานการศึกษาที่ยืนยันแนวความคิดที่ว่าการติดเชื้อไวรัสเป้นสาเหตุหนึ่งของโรค ส่วนไวรัสชนิดอื่นๆ เป็นที่น่าสังเกตว่า 2. 3. เยื่อดังกล่าวทำหน้าที่แยกหูชั้นในออกจากหูชั้นกลางและแบ่งช่องของสารน้ำที่เป็นของเหลวที่อยู่ภายในหูชั้นใน บางรายสาเหตุเกิดจากความเครียด การวินิจฉัยโรค เมื่อมีอาการหูดับหรือฟังเสียงไม่ได้ยิน การตรวจวัดระดับการได้ยิน ระดับเล็กน้อย ในกรณีที่มีการฉีกขาด จะทำให้ของเหลวเกิดการรั่วไหลได้ นอกจากนี้เสียงที่ดังมากๆ ทันที เช่น เสียงระเบิด เสียงฟ้าผ่า ก็ทำให้หูดับ ผู้ป่วยจะสูญเสียการได้ยินทันที ไม่ได้นอนพักผ่อน อดหลับอดนอน หรือเป็นเพราะโหมงานหนักมากเกินไป ผู้ที่ตรากตรำทำงานหนัก ติดต่อกันโดยไม่พักผ่อน อาจทำให้เกิดอาการหูดับขึ้นได้เช่นกัน ควรมารับการตรวจเพื่อวินิจฉัยในทันที แพทย์หูคอจมูกจะทำการตรวจหูโดยละเอียด และพิจารณาส่งตรวจวัดการได้ยิน ซึ่งถือว่าเป็นการตรวจที่ช่วยในการวินิจฉัย และประเมินความรุนแรงของโรคได้เป็นอย่างดี เรียกว่า Hearing tests หรือ Audiometry แบ่งความรุนแรงออกได้เป็น 3 ระดับ (mild) 25-39 เดซิเบลระดับปานกลาง (moderate) 40-68 เดซิเบลระดับรุนแรง (severe) 70-94 เดซิเบลการตรวจพิเศษอื่นๆ เรียกว่า เอ็มอาร์เอ MRA และ เอ็มอาร์ไอ MRI เป็นการตรวจเส้นประสาทหูชั้นในและชั้นกลางอย่างละเอียด รวมทั้งเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงเส้นประสาทหู เพื่อดูว่ามีโรคอื่นแทรกซ้อน ทำให้ไม่ได้ยินหรือไม่ และสามารถตรวจพบเนื้องอกภายในสมองบริเวณนั้นที่อาจเป็นสาเหตุได้ เนื้องอกดังกล่าวมีชื่อเรียกว่า อะคูสติก นิวโรมา (acoustic neuroma)แนวทางการรักษา ผู้ป่วยต้องพักผ่อนให้มากที่สุด เพื่อให้ประสาทหูฟื้นตัวโดยเร็ว โดยทั่วไปแพทย์จะสั่งให้พักผ่อนเพื่อรักษาอาการอย่างน้อย 1 สัปดาห์ และห้ามฟังหรือเข้าใกล้เสียงที่ดังมาก หากสามารถหยุดทำงานได้ก็จะเป็นการดี และควรพักผ่อนอยู่กับบ้าน ถ้าไม่สะดวก อาจพิจารณาเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล อาการของโรคจะดีขึ้น หรือหายได้เอง ราวร้อยละ 70 ของผู้ป่วยทั้งหมด ดังนั้นในรายที่อาการไม่รุนแรง แพทย์อาจพิจารณาติดตามอาการเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องให้การรักษาที่มากมาย เนื่องจากไม่ช่วยให้อัตราการหายจากโรคเพิ่มมากขึ้นแต่อย่างใดการรักษาโดยยาต้านไวรัสได้ผลดีในผู้ป่วยบางราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ลักษณะอาการเข้าได้กับการติดเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า ไวรัสเฮอร์ปีซิมเพล็ก herpes simplex virus จากการศึกษาวิจัย พบว่าเชื้อไวรัสในตระกูลเฮอร์ปี เป็นสาเหตุของโรคนี้ได้บ่อย การรักษาโดยใช้ยาต้านไวรัสชื่อ อะซัยโคลเวีย acyclovir พบว่าได้ผลดีในสัตว์ทดลองที่เกิดโรคจากเชื้อไวรัส HSV-1 และได้ผลดียิ่งขึ้นเมื่อให้ยาต้านไวรัสร่วมกับยาสเตียรอยด์ ดังนั้น ถ้าคิดว่าสาเหตุอาจเกิดจากเชื้อเฮอร์ปี แพทย์จะพิจารณาให้การรักษาด้วยยาต้านไวรัสดังกล่าวการใช้ยาลดปฏิกิริยาอักเสบกลุ่มสเตียรอยด์ corticosteroids ได้ผลดีเช่นกัน แพทย์อาจพิจารณาใช้ร่วมกับการรักษาอื่นๆ จากการศึกษาวิจัย พบว่าการใช้ยาสเตียรอยด์ชนิดฉีดในขนาดสูงได้ผลดีที่สุด แต่ก็มีการศึกษาที่ให้ผลในทางตรงข้าม จึงยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดในปัจจุบัน มีรายงานการรักษาโดยฉีดสเตียรอยด์เข้าไปในเยื่อแก้วหู พบว่าได้ผลดีเช่นกันในปี 2001 ได้มีรายงานการศึกษาวิจัยที่ใช้วิธีการรักษาด้วยออกซิเจนความดันสูง หรือที่เรียกว่า hyperbaric oxygen therapy โดยใช้ออกซิเจน 2.2 ความดันบรรยากาศ เป็นเวลานาน 90 นาที ทั้งหมดรวม 10 ครั้ง พบว่าได้ผลดี แต่ยังคงต้องรอผลการศึกษาเพิ่มเติมต่อไปอีกสักระยะหนึ่งที่มา :นพ.วรวุฒิ เจริญศิริ ศูนย์ข้อมูลสุขภาพกรุงเทพการรักษาที่สำคัญที่สุดคือ การตรวจพิเศษโดยใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หลักฐานที่สำคัญที่ทำให้เชื่อว่าปฏิกิริยาทางอิมมูนเกี่ยวข้องกับการเกิดโรค 4. เป็นทฤษฏีที่เชื่อกันมาเป็นเวลานาน ในบางรายงานทางการแพทย์ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น หูดับ วันที่ตอบ 2010-03-05 08:32:58 IP : 124.121.74.108 |
ความคิดเห็นที่ 2 (3159896) | |
การสูญเสียการได้ยินอย่างเฉียบพลัน (Sudden Hearing Loss)(งานการพยาบาลผู้ป่วยพิเศษและคณะกรรมการสุขศึกษา)
การป้องกัน สุภาวดี | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ความน่าจะเป็น 1:10000 วันที่ตอบ 2010-03-05 11:25:11 IP : 124.122.14.212 |
ความคิดเห็นที่ 3 (3159917) | |
หูดับ ส่วนใหญ่โรค SHL เกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่อย่างไรก็ตาม จากผลการศึกษาวิจัยในระยะหลัง ๆ พบว่าการเกิดโรค SHL มักจะสัมพันธ์กับการติดเชื้อไวรัสบางชนิด ซึ่งเป็นการติดเชื้อในหูชั้นในและเส้นประสาทสมองคู่ที่ 8 อีกทฤษฎีหนึ่งที่อธิบายกลไกการเกิดโรค SHL และได้มีการศึกษาอย่างกว้างขวาง เชื่อว่าการเกิดโรค SHL เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาทางอิมมูนที่เกิดขึ้นในหูชั้นใน
1. รายงานการศึกษาที่ยืนยันแนวความคิดที่ว่าการติดเชื้อไวรัสเป้นสาเหตุหนึ่งของโรค ส่วนไวรัสชนิดอื่นๆ เป็นที่น่าสังเกตว่า 2. 3. เยื่อดังกล่าวทำหน้าที่แยกหูชั้นในออกจากหูชั้นกลางและแบ่งช่องของสารน้ำที่เป็นของเหลวที่อยู่ภายในหูชั้นใน บางรายสาเหตุเกิดจากความเครียด หลักฐานที่สำคัญที่ทำให้เชื่อว่าปฏิกิริยาทางอิมมูนเกี่ยวข้องกับการเกิดโรค 4. เป็นทฤษฏีที่เชื่อกันมาเป็นเวลานาน ในบางรายงานทางการแพทย์ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น หูดับ วันที่ตอบ 2010-03-05 12:13:05 IP : 124.122.14.212 |
ความคิดเห็นที่ 4 (3159925) | |
อาการหูดับ ขอผม ตื่นนอน เวียงหัว หูข้างขวา อื่อ มีเสียงในหู ไปพบแพทย์ คนแรก ให้กำลังใจน้อยมาก บอกผมว่าโอกาส หูหนวก 50 % เหมือนเป็นโรคหลายแรง วันที่ไปรักษา 4/3/2553 ผมจรึงต้องหา หมอ ที่เก่งกว่าคนแรก แล้วไปให้เข้า ช่วย อย่างน้อยในเรืองของความรู้ และกำลังใจ คนสองโรคบาลพยาไทย 3 บอก สวนใหญ่ หาย 70 % ให้คำปรึกษาดีกว่าที่แรก มาก แล้วผมก็ได้ยา ที่ได้กินดังนี้ แบ่งเป็น ยาทานก่อนอาหาร 3 ชนิด 1. ยาขยายเส้นเลือด ( nicotinic acid กิน 2 เม็ดก่อนอาหาร ครึ่งชม หมอคนสองให้มาคนแรกไม่ให้ทั้งที่เป็นตัวอย่าสำคัญ ) 2. วิตามิน D บำรุง เส้นประสาท ( RE-B-FORTE ) กินหนี่งเม็ด ก่อนอาหาร เช้า - เย็น 3. ยาแก้กัดกระเพาะเพราะจะมีตัวอย่าตัวอื่นกัดกระเพาะมาก ไม่เกียวกับโรค แต่ป้องกันยาตัวอื่น ยา ( OCID Omepraxole capsules ) ยาหลังอาหาร 6 ชนิด 1. แก้เวียนศีรษะ Merislon 1 เม็ดหลังอาหาร 3 เวลา เช้า/กลางวัน/เย็น 2. อันนี้ไม่รู้แกอะไร ไม่ได้ถามหมอ STUCGERON TABLET 1 ครั้งหลังอาหารเย็น 3. แก้เวียนศีรษะ DUXARIL 1 เม็ด วันละสองครั้ง หลังอาหาร เช้า/เย็น 4. ยาฆ่าเชื่อ CIPROXYL 500 ML 1 เม็ด วันละ 2 ครั้ง หลังอาหาร เช้า/เย็น 5. ตัวนี้ตัวอย่าสำคัญหัวใจเลย ลดอาการแดงบวมอักเสบ PREDNISOLONE 5 ML ( PREDSOMED ) กิน 3 ครั้ง หลังอาหาร เข้า/กลางวัน / เย็น 6. ยาฆ่าเชื้อ แก้อักเสบ VIZO 200 MC ( ACYCLOVIR 200 ) กินครั้งละ 2 เม็ด ทุก 4 ชม วันหนีงกิน 5 รอบ
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น หาหมอที่ไหนดี วันที่ตอบ 2010-03-05 12:27:08 IP : 124.122.14.212 |
ความคิดเห็นที่ 5 (3160045) | |
สรุป หูขวาเสียเฉียบพลัน 72 เดซิเบล มีอาการเวียนหัวร่วมด้วย มีเสียงหึ่งในหู | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ยาที่ใช้รักษา โอกาศที่จะกับมาเหมือนเดิม วันที่ตอบ 2010-03-05 18:28:10 IP : 124.122.14.212 |
ความคิดเห็นที่ 6 (3160211) | |
การฉีดยาสเตียรอยผ่านเยื่อแก้วหูเพื่อรักษาประสาทหูเสื่อมเฉียบพลันที่ใช้ยาสเตียรอยด์แบบรับประทานรักษาแล้วไม่ได้ผล นฤวัต เกสรสุคนธ์ บทคัดย่อ
วัตถุประสงค์: ประเมินประสิทธิภาพของการฉีดยาสเตียรอยด์ (เด็กซาเมตทาโซน) ผ่านเยื่อบุแก้วหูเพื่อรักษาประสาทหูเสื่อมเฉียบพลันหลังจากใช้ยาสเตียรอยด์แบบรับประทานแล้วไม่ได้ผลวัสดุและวิธีการ: ศึกษาข้อมูลผู้ป่วยประสาทหูเสื่อมเฉียบพลัน 100 ราย ซึ่งได้รับการรักษามาตรฐานโดยใช้ยาสเตียรอยด์แบบรับประทาน (เพร็ดนิโซโลน 1 มก./กก./วัน) เป็นเวลา 7 วัน นำกลุ่มที่ไม่ตอบสนองการรักษา 36 ราย นำมาแบ่งแบบสุ่มเลือกผู้ป่วยเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มแรก 18 ราย ให้การรักษาโดยการฉีดยาสเตียรอยด์ผ่านเยื่อบุแก้วหูโดยฉีดเด็กซาเมตทาโซน 0.5 ลบ.ซม. (4 มก./ลบ.ซม.) 1 ครั้งต่อสัปดาห์เป็นเวลา 3 สัปดาห์ และอีก 18 รายเป็นกลุ่มควบคุมให้การรักษาโดยการให้ยาแบบรับประทานต่อไปอย่างน้อยจนครบ 14 วัน ประเมินผลโดยการวัดค่าเฉลี่ยการได้ยินเปรียบเทียบก่อนและหลังการรักษาครบ ถือว่าการรักษาได้ผลหากการได้ยินเฉลี่ยดีขึ้นมากกว่า 15 เดซิเบลผลการทดลอง : การฉีดสเตียรอยด์ผ่านเยื่อบุแก้วหูทำให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น 10 ราย (55%) เพิ่มเติมจากการรักษามาตรฐาน (p < 0.05) ไม่พบผลข้างเคียงที่รุนแรงสรุป: การฉีดยาสเตียรอยด์ผ่ายเยื่อบุแก้วหูมีประสิทธิภาพในการรักษาประสาทหูเสื่อมเฉียบพลันหลังจากใช้ยาสเตียรอยด์แบบรับประทานไม่ได้ผลและอาจพัฒนาเป็นการรักษาเบื้องต้นได้ในอนาคต | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด วันที่ตอบ 2010-03-06 10:32:09 IP : 124.121.76.54 |
ความคิดเห็นที่ 7 (3160217) | |
เช่าวันที่ 3 หลังจากมีอาการ หูดับ หรือ ประสาทหูเสื่อมเฉียบพลัน เริ่ม จากวันที่ 4/3/53 วันนี้ 6/3/53 อากาศเริ่มดีขึ้น ได้ยินเสียงเริ่มกับคืน บ้างส่วน แต่ยังมีสีอื่อในหู จากการที่ได้นั้งหาข้อมูลมาหลายวัน ก็พอมีความรู้ขึ้นมาบ้าง เพราะหมอเดียวนี้บ้างคนก็ พูดไม่เข้าหูคนไข้เลย บ้างคนพูดในแง่ร้าย สะ ว่าหายน้อยมาก 50 % แต่จากที่ได้ดูเพือน ที่เป็นแล้ว ก็สบายใจ ขึ้นมาได้บ้าง 3 วันหาหมอ 3 คนหนอคนแรกชื่อ นพ. สาฑิตย์ ชัยประสิทธิกุล โรงบาล ตา หู คอ จมูก เบอร์โทร 02-886600-16 หมอคนที่ สอง นญ. จันทร์เพ็ญ จีรบุณย์ พญาไทย 3 เบอร์โทร 02-4671111 หมอคนที่ 3 นพ. สุรเดช จารุริดา เบอร์โทร 02-886-6600ถึง 16 แพทย์ที่ผมต้องการจะไปหาแต่ไปเมืองนอก นญ.เสาวรส อัศววิเชียรจินดา เป็นอาจารญ์แพทย์เรื่องนี้โดยตรงสอนที่จุฬา สรุปตัวยา ที่ขาดไม่ได้สำหลับโรคนี้ เลย ในช่วง 0- 7 วันแรก 1. สเตียรอยด์ high dose หรือ ชื้อยายี้ห้อขาย ( PREDNISOLONE ) 12 เม็ดต่อวัน หลังอาหาร เช้า/กลางวัน/เย็น ครั้งละ 4 เม็ด เช็ควันหมดอายุของยาด้วยนะครับ 2. พักผ่อนให้มากมที่สุด พยายามไม่เครียด ไม่ ใช้ประสาทหูมาก หลังจากนี้ก็รอติดตามผลที่จะออกอีก 4 วัน ถ้าหายก็จบ ถ้าไม่หายก็ step สองต่อไป ฉีกสเตียรอยเข้าเยื่อบุแก้หูต่อไป โอกาศหาย 55 % สำหรับ ขั้นตอนที่ 2 | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ความคืบหน้าหูดับ วันที่ตอบ 2010-03-06 10:54:20 IP : 124.121.76.54 |
ความคิดเห็นที่ 8 (3160356) | |
หูดับ อาการของ การรักษาโรคหูดับ การรักษาที่สำคัญคือ ต้องให้ผู้ป่วยพักผ่อนให้มากที่สุด เพื่อให้ประสาทหูฟื้นตัวโดยเร็ว โดยทั่วไปแพทย์จะสั่งให้พักผ่อนอย่างน้อย 1 สัปดาห์ โดยระหว่างนี้ห้ามฟัง หรือเข้าใกล้เสียงดังมาก ๆ และหากหยุดทำงานได้จะดีที่สุด เพื่อจะได้พักผ่อนอยู่กับบ้าน ทางที่ดีที่สุดในการป้องกันโรค หูดับ คือ ควรหลีกเลี่ยงเสียงดัง เช่น ไม่ควรเปิดฟังเพลงจากเครื่องเล่น MP3 เสียงดังจนเกินไป และฟังเป็นระยะเวลานานติดต่อกัน รวมทั้งควรหลีกเลี่ยงสถานที่ หรือสภาวะแวดล้อมที่มีเสียงดังมาก ๆ ด้วย | |
ผู้แสดงความคิดเห็น หูดับโอกาศหายเอง 70 % วันที่ตอบ 2010-03-06 20:01:05 IP : 124.121.73.92 |
ความคิดเห็นที่ 9 (3160361) | |
สาเหตุหูดับเฉียบพลัน วิธีรักษา หูดับ (คัดย่อ) หูดับเฉียบพลันเกิดในคนที่ปกติแล้วได้ยินเสียงดี ๑ การดูแลผู้ป่วยหูดับเฉียบพลัน ๑ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น วิธีรักษา หูดับ วันที่ตอบ 2010-03-06 20:13:04 IP : 124.121.73.92 |
ความคิดเห็นที่ 10 (3160455) | |
วันที่ 4 ของการหูดับ 7/03/2553 หรือ หูอื้อการได้ยินน้อยลง เริ่มดีขึ้น เริ่มได้ยินเสียงกับมามากแล้ว เริ่ม วิเคราะห์หาสาเหตุอื่น ที่ทำให้เกิดอากาศหูอื้อ หูอื้อ ภาควิชาโสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา หูเป็นอวัยวะรับเสียงของร่างกาย โดยเสียงจะผ่านจากช่องหูชั้นนอกเข้าสู่แก้วหูและกระดูกหูซึ่งเป็นส่วนของหูชั้นกลางโดยแต่ละส่วนจะมีคุณสมบัติพิเศษช่วยขยายสัญญาณเสียงให้ดังเพิ่มขึ้น หลังจากนั้นเสียงจะถูกส่งเข้าหูชั้นในรูปหอยโข่ง (Cochlea) เพื่อแปลงสัญญาณเสียงเป็นคลื่นประสาท ส่งผ่านตามเส้นประสาทสมองคู่ที่ 8 เพื่อเข้าสู่สมองและแปลผลต่อไป หูอื้อคืออะไร? จะรู้ได้อย่างไรว่าหูอื้อ? ถ้ารู้ว่าหูอื้อควรทำอย่างไร?
หูเป็นอวัยวะพิเศษของท่าน ต้องหมั่นดูแลรักษา... เพราะความพิเศษนี้มีให้มา... ครั้งเดียว | |
ผู้แสดงความคิดเห็น หูอื้อ วันที่ตอบ 2010-03-07 10:12:51 IP : 124.121.73.116 |
ความคิดเห็นที่ 11 (3160467) | |
เคยมั้ยที่การได้ยินของหูลดลง พูดง่ายๆ ก็คือหูอื้อหรือหูตึงนั่นเอง ปัญหานี้นอกจากเจ้าตัวจะวิตกแล้วคนรอบข้างก็พลอยมีท่าทีเปลี่ยนไป ภาวะหูอื้อ หรือหูตึงเป็นภาวะที่ความสามารถในการรับเสียงเสื่อมลง ซึ่งอาจจะค่อยเป็นค่อยไปหรือเกิดขึ้นทันทีทันใดก็ได้ มีการให้ค่าระดับความรุนแรงของการลดการได้ยิน ดังนี้ .....
0-25 db ปกติ 26-40 db หูตึงน้อย ไม่ได้ยินเสียงกระสิบ 41-55 db หูตึงปานกลาง ไม่ได้ยินเสียงพูดปกติ 56-70 db หูตึงมาก ไม่ได้ยินเสียงพุดที่ดังมาก 71-90 db หูตึงรุนแรง ได้ยินไม่ชัด แม้ตะโกน มากกว่า 90 db หูหนวก ไม่ได้ยินเลย
หลายคนถึงกับสงสัยว่าแล้วหูรับเสียงได้อย่างไร
ปกติคนเราสามารถรับเสียงโดยอาศัยกลไก 2 ส่วน คือ 1.ส่วนนำเสียงและขยายเสียงได้แก่หูชั้นนอกและหูชั้นกลาง โดยคลื่นเสียงจากภายนอกผ่านเข้าไปในช่องหูกระทบแก้วหูแล้วมีการส่งต่อ และขยายเสียงไปยังส่วนของหูชั้นในต่อไปถ้ามีความผิดปกติจนเกิดภาวะหูตึงขึ้น สาเหตุมักเกิดจาก - หูชั้นนอก เช่น ขี้หูอุดตัน เยื่อแก้วหูทะลุ หูชั้นนอกอักเสบหรือมีเนื้องอกที่หูชั้นนอก - หูชั้นกลาง เช่น หูชั้นกลางอักเสบน้ำขังอยู่ในหูชั้นกลาง (otitis media with effusion) ท่อยูสเตเชียน (ท่อที่เชื่อมต่อระหว่างหูชั้นกลางกับโพรงหลังจมูก) ทำงานผิดปกติหรือเกิดหินปูนขึ้นในหูชั้นกลาง (otosclerosis) 2.ส่วนประสาทรับเสียงได้แก่ส่วนของหูชั้นในไปจนถึงสมอง ซึ่งเป็นส่วนที่เรารับรู้และเข้าใจเสียงต่างๆความผิดปกติบริเวณนี้ ส่วนใหญ่ทำให้เกิดภาวะหูตึง หูหนวกถาวรและบางโรคทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ สาเหตุมักเกิดจาก - หูชั้นใน ที่พบบ่อยสุด คือ ประสาทหูเสื่อมจากอายุ นอกจากนั้นการเสื่อมของเส้นประสาทหู อาจเกิดจากการได้รับเสียงที่ดังมากๆ ในระยะเวลาสั้นๆทำให้เส้นประสาทหูเสื่อมเฉียบพลัน (acoustic trauma) เช่น ได้ยินเสียงปืนเสียงระเบิด เสียงประทัด หรือการได้รับเสียงที่ดังปานกลางในระยะเวลานานๆทำให้ประสาทหูเสื่อมแบบค่อยเป็นค่อยไป (noise-induced hearing loss) อย่างเช่นการอยู่ในโรงงาน หรืออยู่ในคอนเสิร์ตที่มีเสียงดังมากๆการใช้ยาที่มีพิษต่อประสาทหู (ototoxic drug) เป็นระยะเวลานาน เช่น salicylate, aminoglycoside, quinine, aspirin นอกจากนี้อาจเกิดจากการบาดเจ็บของกะโหลกศีรษะแล้วมีผลกระทบกระเทือนต่อหูชั้นใน (labyrinthine concussion) การติดเชื้อของหูชั้นใน (labyrinthitis) เช่นจากซิฟิลิสหรือไวรัสเอดส์ การผ่าตัดหูแล้วมีการกระทบกระเทือนต่อหูชั้นในหรือมีรูรั่วติดต่อระหว่างหูชั้นกลางและหูชั้นใน (perilymphatic fistula) รวมทั้งโรคมีเนีย (Meniere’s syndrome) หรือน้ำในหูไม่เท่ากัน - สมอง เกี่ยวพันกับโรคของเส้นเลือดเช่น เลือดออกในสมอง เส้นเลือดในสมองตีบจากไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูงเนื้องอกในสมอง เช่น เนื้องอกของเส้นประสาทหู และ/หรือประสาทการทรงตัว (acoustic neuroma) - สาเหตุอื่นๆ ก็มี เช่น โรคโลหิตจางโรคแพ้ภูมิตัวเอง (autoimmune disease) โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวโรคเกร็ดเลือดสูงผิดปกติ โรคที่มีระดับยูริกในเลือดสูง โรคไต โรคเบาหวานความดันโลหิตต่ำหรือสูง ไขมันในเลือดสูงโรคเหล่านี้สามารถทำให้หูอื้อได้ การวินิจฉัยโดยซักประวัติ สาเหตุต่างๆ ที่เป็นไปได้การตรวจหูชั้นนอก ช่องหู แก้วหู หูชั้นกลาง และบริเวณรอบหูรวมทั้งการตรวจเลือดเพื่อหาความผิดปกติของเคมีในเลือด การตรวจปัสสาวะตรวจการได้ยินเพื่อยืนยันและประเมินระดับความรุนแรงของการเสียการได้ยินตลอดจนการตรวจคลื่นสมองระดับก้านสมอง และการถ่ายภาพรังสี เช่นเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง หรือกระดูกหลังหู หรือตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ารวมทั้งฉีดสารรังสีเข้าหลอดเลือด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอาการของโรค การรักษาหูอื้อจะรักษาตามสาเหตุซึ่งมีทั้งการรักษาด้วยยาและการผ่าตัด อย่างไรก็ตาม หูอื้อที่เกิดจากพยาธิสภาพของหูชั้นใน เส้นประสาทหู และระบบประสาทส่วนกลางโดยเฉพาะประสาทหูเสื่อมมักจะรักษาไม่หายขาดหรือดีหน่อยก็เพียงหาทางชะลอความเสื่อมให้ช้าลง โดยทั่วไปเมื่อมาพบแพทย์จะมีขั้นตอนดังนี้ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น เช็คความเสื่อมของหู วันที่ตอบ 2010-03-07 10:34:31 IP : 124.121.73.116 |
ความคิดเห็นที่ 12 (3160491) | |
หูอื้อ เป็นอาการที่พบบ่อยมากในทุกเพศทุกวัย หูอื้อชนิดไหนที่จำเป็นต้องพบแพทย์ทันที ชนิดไหนที่พอจะ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น สาเหตุทำให้หูอื้อ วันที่ตอบ 2010-03-07 12:21:13 IP : 124.121.73.116 |
ความคิดเห็นที่ 13 (3161520) | |
หลังจากที่กินยาสตียเลอไฮโดสแล้ว ไม่ได้ผลเท่าที่ควร ก็ปรึกษาหมอขอยาที่แรงขี้น จึงตัดสินใจไปนอนโรงบาล 3 คื้น 8-9-10 /3/53 อากาศหูก็กับมาใช้ได้ในระดับที่น่าพอใจ โดยยาตัวใหม่ที่เสริมเข้าไปก็มี ยาฉีดทุก 6 ชม แรกกว่าเดิมท 2 เท่า คลื่นระดับความถีที่คนได้ยินปกติพูดคุยอยู่ที่ 250Hz-2000HZ ได้ยินเป็นปกติดี เป็นที่หน้าพอใจเป็นอย่างมากดีใจมาก เห็นผลอย่างชัดเจนกับตัวยา คุยปกติชัดเจนมาก รอติดตามการฟื้นตัวที่รับดับ ความถี่ 4000-6000 hz อีกที 1. Dexazmethaxone inj. (5mg/ 1 ML ) (LODEXA-5) 12 หลอด เป็นยาตัวที่แรงกว่า สตียลอยไฮโดส 2. nicotivic acid 50 mg tbalet 20 เม็ด 3. vitamin b1--6-12 tablet 10 เม็ด 4. D-5-1/s (1000 ml ) injection (baxter ) 5 ขวด 5 Opaz(OMERRAZOLE)(20mg)capsule 7 เม็ด 6 STUGERON (25MG.) TABLET 10 เม็ด 7 LORAZEPAM (LORAZEP 1 MG) TABLET 11 เม็ด 8 stemetil (5 mg) tablet Ftdi 16 เม็ด 9. naclong tab (600 mg ) (10tab.tube 1 กล่อง 10. zyrtec (10mg.)tablet 11 เม็ด 11. nss (0.9 %)(5ml)injection (พลาสติก ๗ 1 หลอด ของที่ใช้ ในสามวัน | |
ผู้แสดงความคิดเห็น การนอนโรงพญาไทย3 3 วัน วันที่ตอบ 2010-03-10 21:57:57 IP : 124.122.220.144 |
ความคิดเห็นที่ 14 (3162013) | |
วันที่ 12/3/53 หลังจากเป็นได้ 8 วัน อากาศกับมาได้ยิน 100 % ที่ทุกรับดับความถึ่ปกติ ทดสอบห้องทดสองเสียง 250-6000 HZ คนที่เป็นอาการนี้ผมแนะนำ ต้องพักผ่อน มาก ๆ ระวังระดับ ไขมันในเลือดสูง เพราะสาเหตุ ของผมน่าจะ ไขมันในเลือดสูง ทำให้เลือดที่ไปไหลเลี้ยงเส้นประสาทไม่ดี ทำให้ ต้องกินยา ขยายเส้นประสาท ที่เลือดไปเลี้ยงไม่ได้ สรุป ผลที่น่าจะทำให้เป็นโรคนี้ที่น่าจะเป็นไปได้ 1 คุยโทรศัพท์มาเกินไป นานเกินไป 2. เลือดมีไขมันเยอะ ทำให้ไหลไปเลี้ยงเส้นประสาทสูไม่สะดวก 3. พักผ่อนไม่เพียงพอ โลงอกไป หายสักที | |
ผู้แสดงความคิดเห็น อาการ วันที่ตอบ 2010-03-12 20:58:03 IP : 124.121.72.207 |
ความคิดเห็นที่ 15 (3162163) | |
หูเป็นอวัยวะรับเสียงของร่างกาย โดยเสียงจะผ่านจากช่องหูชั้นนอกเข้าสู่แก้วหูและกระดูกหูซึ่งเป็นส่วนของหูชั้นกลางโดยแต่ละส่วนจะมีคุณสมบัติพิเศษช่วยขยายสัญญาณเสียงให้ดังเพิ่มขึ้น หลังจากนั้นเสียงจะถูกส่งเข้าหูชั้นในรูปหอยโข่ง (Cochlea) เพื่อแปลงสัญญาณเสียงเป็นคลื่นประสาท ส่งผ่านตามเส้นประสาทสมองคู่ที่ 8 เพื่อเข้าสู่สมองและแปลผลต่อไป หูอื้อคืออะไร? จะรู้ได้อย่างไรว่าหูอื้อ? ถ้ารู้ว่าหูอื้อควรทำอย่างไร?
หูเป็นอวัยวะพิเศษของท่าน ต้องหมั่นดูแลรักษา... เพราะความพิเศษนี้มีให้มา... ครั้งเดียว | |
ผู้แสดงความคิดเห็น หูอื้อ วันที่ตอบ 2010-03-13 14:21:10 IP : 125.25.24.80 |
ความคิดเห็นที่ 16 (3162276) | |
หูดับ ฉับพลัน ปัญหาของใคร? | |
ผู้แสดงความคิดเห็น วิธีดูแล วันที่ตอบ 2010-03-14 01:50:16 IP : 124.121.73.150 |
ความคิดเห็นที่ 17 (3162277) | |
การตรวจพิเศษ พิจารณาแล้วแต่กรณี เพื่อการวินิจฉัยแยกโรค | |
ผู้แสดงความคิดเห็น การวินิฉัย หูดับ วันที่ตอบ 2010-03-14 01:57:10 IP : 124.121.73.150 |
ความคิดเห็นที่ 18 (3162385) | |
รายชื่อแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านดีที่สุด ในเมืองไทย ประสาททางยา | |
ผู้แสดงความคิดเห็น หมอเก่ง วันที่ตอบ 2010-03-14 16:28:33 IP : 124.122.253.207 |
ความคิดเห็นที่ 19 (3162481) | |
คอลัมน์ มหัศจรรย์แพทย์แผนจีนทุยหนา โดย...หมอหลิน ตันเฉียน “เอ่อหมิง” หรืออาการ “หูอื้อ-หูแว่ว” เป็นอีกโรคหนึ่งที่แม้จะไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่ถึงกับทำให้ล้มหายตายจาก แต่ก็เป็นโรคที่สร้างความรำคาญให้กับเจ้าของหูอยู่ไม่น้อย เพราะอยู่ๆ ก็มี “เสียงวี๊ด เสียงแว่ว” เหมือนสายลมหรือเสียงจั๊กจั่นดังเข้ามาในหูผิดไปจากธรรมชาติที่ควรจะเป็น | |
ผู้แสดงความคิดเห็น วิธีแก้หูอื้อ วันที่ตอบ 2010-03-14 22:05:14 IP : 124.122.253.207 |
ความคิดเห็นที่ 20 (3162780) | |
อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน B ได้แก่ ตับ, ไต, เนื้อไก่, เนื้อวัว, ปลา, ไข่, ผลิตภัณฑ์จากนม, ข้าวกล้อง, ขนมปังโฮลวีต, ถั่ว, มะเขือเทศ บร็อคโคลี ฯลฯ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ประโยชน์ วิตามิน B วันที่ตอบ 2010-03-16 06:23:06 IP : 124.121.71.93 |
ความคิดเห็นที่ 21 (3162854) | |
อันตรายจากเสียงดัง Noise Injury กายวิภาคและสรีรวิทยาของหู หูของมนุษย์แบ่งออกได้เป็น 3 ส่วน1 ดังรูปที่ 16.1 คือหูชั้นนอก (External ear) คือส่วนของหูที่อยู่ด้านนอกต่อจากแก้วหู ประกอบด้วยใบหู ช่องหูชั้นนอก หูชั้นกลาง (Middle ear) คือเนื้อที่ระหว่างหูชั้นนอก และหูชั้นใน มีอากาศขังอยู่ สามารถถ่ายเทได้ทางท่อยูสเตเชียน (Eustachian tube) ซึ่งปลายท่ออีกด้านหนึ่งเปิดที่ช่องจมูกส่วนหลัง (Nasopharynx) ทุกครั้งที่กลืนท่อนี้จะเปิดถ่ายเทได้ สิ่งสำคัญที่บรรจุอยู่ในหูชั้นกลาง คือ กระดูกค้อน (Malleus) กระดูกทั่ง (Inus) กระดูกโกลน (Stapes) ที่ปลายของกระดูกโกลนจะวางอยู่บนหน้าต่างรูปไข่ (Oval window) ซึ่งเป็นทางเปิดเข้าสู่หูชั้นใน และมีหน้าต่างรูปกลม (Round window) อยู่ใต้ Oval window กล้ามเนื้อของหูชั้นกลางมี 2 มัดคือ Tensor tympani และ Stapedius muscle มีเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 วิ่งผ่านเยื่อแก้วหู (Tympanic membrane) จะเป็นตัวแบ่งหูชั้นกลางกับหูชั้นนอก สำหรับหูชั้นใน (Inner ear) อยู่ในส่วน Petrous ของกระดูก Temperal ประกอบด้วย 3 ส่วนที่เรียกว่า Vesibular labyrinth ซึ่งมีลักษณะเป็นท่อสามท่อที่ตั้งฉากซึ่งกันและกัน ทำหน้าที่ควบคุมการทรงตัวของร่างกาย ส่วนที่เรียกว่า Endolymphatic duct และ sac มีลักษณะเป็นท่อปลายตัน ทำหน้าที่ควบคุมการไหลเวียนของของเหลวภายในหูชั้นใน และส่วนสุดท้ายที่เรียกว่า Cochlea มีลักษณะเป็นรูปก้นหอยทำหน้าที่ในการรับเสียง2 ภายใน Cochlea ซึ่งมีอวัยวะรับเสียงเล็กๆ เรียกว่า Organ of Corti ซึ่งภายในมีเซลล์และส่วนยื่นออกไปลักษณะคล้ายขน (Outer and inner hair cells) เซลล์นี้ทำหน้าที่รับสัญญาณเสียง
สรีรวิทยาและกลไกการได้ยิน ลักษณะของเสียงที่เป็นผลต่อประสาทหู ประเภทที่ ประเภทที่ ประเภทที่ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น อันตรายของเสียงดัง วันที่ตอบ 2010-03-16 12:47:25 IP : 124.121.71.72 |
ความคิดเห็นที่ 22 (3162857) | |
ความผิดปกติของการได้ยิน ความผิดปกติของการได้ยินที่เกิดขึ้นมีลักษณะที่พบได้ 5 ประเภท ดังมีรายละเอียดต่อไปนี้1 Conductive Hearing loss คือการนำเสียงทางอากาศเสีย เป็นความผิดปกติที่เกิดกับช่องหูชั้นนอกและอวัยวะภายในหูชั้นกลางเช่น ขี้หูอุดตัน เยื่อแก้วหูทะลุ กระดูหูเคลื่อนหลุดจากกันหรือยึดติดกันแน่น2 Sensorineural Hearing loss คือระบบประสาทรับเสียงเสีย เช่น Noise-induce hearing loss, Miniere’s disease, Otosyphilis
ประเภทที่ ประเภทที่ อันตรายที่เกิดจากเสียงดัง ประเภทที่ อาการและอาการแสดงของ การวินิจฉัยโรคประสาทหูเสื่อมจากเสียง การวินิจฉัย สามารถวินิจฉัยได้โดยประวัติใน (Permanent sensorineural hearing loss) ประเภทที่ ประเภทที่ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ความผิดปกติของการได้ยิน วันที่ตอบ 2010-03-16 12:49:32 IP : 124.121.71.72 |
ความคิดเห็นที่ 23 (3162863) | |
แนวทางการป้องกัน แนวทางการป้องกันควรปฏิบัติดังนี้ 1. คณะทำงาน (Team approach) ที่ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ความปลอดภัย (Industrial hygienists) คอยดูแลเกี่ยวกับการเฝ้าระวังและควบคุมเครื่องจักรต่างๆ พยาบาลเฉพาะทาง (Occupational health nurse) เขตปลอดภัย (Safety personel perform) เช่น บริเวณไหนควรหลีกเลี่ยง บริเวณไหนที่ต้องใช้ Hearing protector เป็นต้น แพทย์อาชีวอนามัย (Occupational health physician) เพื่อให้การรักษาและวินิจฉัยโรคและผู้ช่วยอื่นๆ เช่น แพทย์ผู้ช่วย (Physician assistants) เจ้าหน้าที่ดูแลสุขภาพ Civilian health technician (Military Corpsman) ข้อกำหนดของเสียงที่เป็นอันตราย (Noise-hazard criteria) โดย American Conference of Govental Industrial Hygients (ACGIH) ประกอบด้วยการได้ยินเสียงดังตลอดเวลา (Continuous noise) โดยสัมผัสเสียงดังไม่ควรเกิน 90 dB ใน 8 ชั่วโมง และถ้าเสียงดังแบบเป็นช่วงๆ (Impulse noise) ไม่ควรเกิน 140 dB สำหรับเสียงดังความถี่สูง (Airbone high-frequency and ultrasonic noise) เช่น เสียงจาก Dental drills, Industrial cleaners, Aircaft compressorsเขตอันตราย (Posting) บริเวณไหนที่ได้รับเสียงดังหรือบริเวณใดควรใช้เครื่องป้องกันเสียงดัง
4. 5. 6. 7. การประเมินการสูญเสียสมรรถภาพของการได้ยินและการคิดค่าตอบแทนในประเทศไทย ตารางที่ 16.1 ปืน H.K. ปืนพกแบบ 86 (11มม.) ให้เสียงดัง ปืนกล M. 60 ให้เสียงดัง ปืนกลรถถัง ปืนใหญ่ 105 มม. ป.ต.อ. 40 มม. ป.ต.อ. 12.7 มม. ให้เสียงดัง เครื่องยิงลูกระเบิด 40 มม.(M.79) ให้เสียงดัง เครื่องยิงลูกระเบิด 60 มม.(ค.60) ให้เสียงดัง เครื่องยิงลูกระเบิด 81 มม.(ค.81) ให้เสียงดัง รถถังแบบ รถถังแบบ M.41 ให้เสียงดัง รถถังเบา 21 (สกอร์เปียน) ให้เสียงดัง เครื่องบิน
ในประเทศไทยยังไม่มีการคิดการสูญเสียสมรรถภาพของร่างกาย ตารางที่ 16.1 ตัวอย่างความดังของเสียงจากเครื่องมือกลภายในโรงงานอุตสาหกรรม
* 2. 3. | |
ผู้แสดงความคิดเห็น แนวทางป้องกัน วันที่ตอบ 2010-03-16 12:56:46 IP : 124.121.71.72 |
ความคิดเห็นที่ 24 (3162887) | |
เสียงรบกวนในหู มีได้หลายลักษณะ บางรายอาจมีเสียง "กร๊อกแกร๊ก" คล้ายมีอะไรกลิ้งไปมาในหู , บางรายอาจมีเสียงดัง "หึ่งๆ" คล้ายลมออกหู , เสียง "วี๊ๆ" ซึ่งทำความรำคาญให้กับผู้ป่วย บางรายอาจวิตกกังวลจนนอนไม่หลับก็มี | |
ผู้แสดงความคิดเห็น เสียงรบกวนในหู วันที่ตอบ 2010-03-16 14:19:45 IP : 124.121.71.72 |
ความคิดเห็นที่ 25 (3163095) | |
น้ำในหูไม่เท่ากัน โรคอันตรายที่ควรรู้ แย่แล้ว แย่แล้ว!! คุณมีอาการเหล่านี้หรือเปล่า ??? รู้สึกวิงเวียน โลกหมุนได้ทั้งใบทั้งๆ ที่หลับตา และเมื่อลืมตาขึ้นก็ยังไม่หยุดหมุน... หรือเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังเคลื่อนไหวทั้งที่จริงแล้วคุณกำลังยืน นั่ง หรือนอนอยู่กับที่โดยไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ เลย และเริ่มรู้สึกว่าทุกอย่างที่กำลังทำมีการเคลื่อนไหวมากกว่าที่เราขยับจริงแล้วละก็ นั่นเป็นสัญญาณเตือนบ่งบอกให้คุฯรู้ว่า ระบบการทรงตัวของร่างกายในหูชั้นใน ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยรักษาการทรงตัวของร่างกาย รักษาการมองเห็นให้คงที่ ควบคุมการเคลื่อนไหวของคุณเริ่มมีปัญหาแล้ว และนี่บ่งบอกได้ว่าคุณกำลังเป็น “โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน” แล้ว “โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน” เป็นโรคที่แรงดันน้ำในช่องหูชั้นในผิดปกติ ของเหลวที่อยู่ภายในส่วนที่เป็นเยื่อหุ้มภายในจะคั่งมาก ทำให้การไหลเวียนไม่สะดวก แรงดันที่เพิ่มขึ้นในหูชั้นในจะขัดขวางการทำงานของกระแสประสาทที่เกี่ยวกับการได้ยินและการทรงตัว ทำให้สูญเสียการได้ยินและความสมดุล จึงทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะขึ้น เมื่อแรงดันมากขึ้นผู้ป่วยจะรู้สึกตึงๆ ในหูข้างที่ผิดปกติ โรคแรงดันน้ำในช่องหูชั้นในผิดปกติ ส่วนใหญ่มักจะไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด ในกลุ่มที่ทราบสาเหตุจะเรียกว่า กลุ่มอาการมีเนีย ได้แก่ โรคซิฟิลิส หูน้ำหนวก เป็นต้น เพราะฉะนั้นโรคนี้จึงรักษาไม่หายขาด เพียงแต่สามารถรักษาอาการเวียนศีรษะให้หายเป็นปกติได้เท่านั้น อาการผิดปกติอาจเกิดขึ้นกับหูเพียงข้างเดียวหรือทั้งสองข้างก็ได้ ระยะแรกๆ มักเป็นข้างเดียว แต่เมื่อเป็นนานๆ เข้า โอกาสที่หูข้างที่สองจะเป็นร่วมด้วยก็มีมากขึ้น ส่วนอาการของโรคที่พบบ่อยๆของโรคน้ำในหูไม่เท่ากันจะเริ่มต้นกันด้วยอาการเวียนศีรษะที่รู้สึกเหมือนกำลังหมุนไปพร้อมๆกับอาการคลื่นไส้ อาเจียน เหงื่อออก ลักษณะอาการคือจะเกิดขึ้นในทันทีทันใด อาจจะเป็นอยู่นานกว่า 20 นาที ถึง 2-3 ชั่วโมง อาการดังกล่าวมักเป็นรุนแรง แต่ไม่ทำให้หมดสติหรือเป็นอัมพาต เมื่อหายเวียนศีรษะ ผู้ที่เป็นจะมีความรู้สึกเหมือนเป็นปกติ ต่อมาเป็นอาการ หูอื้อ อาจจะเป็นชั่วคราวหรือถาวรก็ได้ ถ้าเป็นระยะแรกๆ จะสูญเสียการได้ยินแค่ชั่วคราว หลังจากหายเวียนศีรษะแล้ว การได้ยินจะกลับมาเป็นปกติ แต่ถ้าผู้ป่วยมีอาการเวียนศีรษะบ่อยๆ หรือเป็นมานาน อาการหูอื้อมักจะเป็นถาวร บางครั้งอาจถึงขั้นหูหนวกไปเลยก็เป็นได้ อาการที่มีเสียงดังในหูและ อาการตึงๆ ภายในหูคล้ายกับมีแรงดัน ผู้ป่วยจะมีเสียงดังในหูข้างที่ผิดปกติ และจะเกิดแรงดันของน้ำอาการของโรคน้ำในหูไม่เท่ากันนี้อาจเป็นได้ตลอดเวลาหรือเป็นเฉพาะขณะที่เวียนศีรษะ แล้วเมื่อเป็นแล้วควรทำอย่างไร..... | |
ผู้แสดงความคิดเห็น น้ำในหูไม่เท่ากัน วันที่ตอบ 2010-03-17 10:41:24 IP : 125.25.26.35 |
ความคิดเห็นที่ 26 (3164582) | |
ถ้ากล่าวถึงทฤษฎีการแพทย์แผนไทย อาการมีเสียงรบกวนในหูเกิดจากความไม่สมดุลย์ของธาตุน้ำ ลม และไฟ เริ่มต้นที่ธาตุไฟก่อน จากการบอกเล่าพฤติกรรมการสระผมอาบน้ำ อารมณ์โกรธ นอนดึก ประกอบกับไขมันในเลือดสูงซึ่งอาจเกิดจากการผิดปกติของระบบไฟย่อยอาหาร หรืออาจเป็นเพราะอาหารที่รับประทานก็ตาม ทั้งพฤติกรรมและสภาพร่างกายที่เป็นอยู่เป็นต้นเหตุให้ลมในช่องท้องไปถึงช่องทางสุดที่หูสองข้างเดินไม่ปกติ มีผลทำให้น้ำในช่องหูไม่เท่ากัน จึงทำให้เกิดอาการหัวหมุนได้(ถ้าเป็นมาก) ภาษาแพทย์ปัจจุบันเรียกว่าโรคบ้านหมุน เสียงที่เกิดขึ้นในหู สันนิษฐานว่าเป็นเสียงของลมไม่มีทางออก จึงเกิดแรงกระแทกของลมภายใน อาการที่คุณหมอวินิจฉัยไปแล้วทั้งสองท่านก็ไม่มีอะไรที่ขัดแย้ง เพียงแต่มองคุณละมุม ไขมันในเลือดทำให้โลหิตข้น การบีบคลายของเส้นเลือดย่อมยากลำบากขึ้น ประกอบกับอารมณ์โกรธยิ่งทำให้โลหิตเพิ่มกำลังของความข้น ในขณะที่เลือดไหลเวียนไปทั่วร่างกาย พฤติกรรมที่ชอบสระผมก่อนนอนและนอนเลยทำให้หัวเย็น เลือดซึ่งข้นอยู่แล้วไม่สามารถเดินขึ้นไปเลี้ยงในช่องหัวได้ เกิดการปะทะกันระหว่างความร้อนกับความเย็น จึงทำให้เส้นประสาทหรือหลอดเลือดในช่องหูได้รับผลกระทบกระเทือน ถ้าปล่อยไปเรื่อยๆประสาทหูก็คงเสื่อมแน่นอน เวลานี้ก็อาจเสื่อมแล้ว แต่ควรจะลองแก้ปัญหาที่ต้นเหตุดูก่อน ดีกว่าปล่อยให้เสื่อมไปเรื่อยๆ วิธีการแพทย์แผนไทยในการรักษาอาการนี้ 1. ลดความร้อนภายในร่างกาย 2.ถ่ายไขมันออก 3. เพิ่มการทำงานของธาตุลมในช่องท้อง 4. นวดเส้นรากหู เน้นด้านที่เป็น 5. จะต้องเปลี่ยนพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดโรคในระหว่างการรักษาอย่างเคร่งครัด หวังว่าคงจะช่วยทำให้เข้าใจต้นเหตุ คนไทยเป็นโรคนี้มากขึ้นเรื่อยๆ แรกๆ ข่าวก็ว่าอดีตนายกทักษิณ บินบ่อยไปทำให้เกิด รายการดีมากๆ ทางช่อง 9 อสมท.ที่เพิ่งจบไป ในตอนสุดท้ายมีการทดสอบว่า การกินไข่วันละ 4 ฟองติดต่อกันนาน 14 วันจะทำให้คอเลสเตอรอลสูงขึ้นหรือไม่ ผลการทดสอบพบว่า คอเลสเตอรอลลดลงต่ำมาก แพทย์ชาวออสเตรเลีย อธิบายว่า ร่างกายคนส่วนมากจะหยุดสังเคราะห์คอเลสเตอรอล เมื่อกินไข่เข้าไป ความเชือที่ว่ากินไข่จะทำให้คอเลสเตอรอลสูงนั้นไม่จริง ถ้าการกินไข่ไม่มากเกินไป และมีการกินอาหารหมวดอื่นๆ ด้วย ยกเว้นไขมัน คอเลสเตอรอลในเลือดสามารถทำให้เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจตีบตันได้ฉันใด มันก็สามารถทำให้เส้นเลือดฝอยในไตตีบตันได้ฉันนั้น เพราะขนาดของเส้นเลือดฝอยไตเล็กเท่าเส้นด้าย แต่เรา ทฤษฎีแพทย์จีนว่า "หูเป็นหน้าต่างของไต" ดังนั้นความผิดปกติในหูเกิดจากไต แต่แนะนำว่า กรรมวิธีการฟื้นฟูสภาพเนื้อเยื่อแก้วหุ และการลดการอักเสบ ด้วยภูมิปัญญาดั้งเดิมกลับมาบำบัดโรคกับหูอักเสบ และลดการอักเสบของต่อมน้ำเหลืองได้ดี ยังส่งผลให้โรคในหูหายขาดด้วย
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น เสียงซาในหู วันที่ตอบ 2010-03-23 13:42:58 IP : 125.25.234.85 |
ความคิดเห็นที่ 27 (3164583) | |
ปัจจุบันมีปัญหาดังนี้ค่ะ ก่อนมีอาการ - นอนดึกประมาณ 2-3 อาทิตย์ ประมาณเที่ยงคืนถึงตีหนึ่งทุกวัน - กิจวัตร จะอาบน้ำ-สระผมเวลา 5 ทุ่ม เกือบทุกวัน และนอนโดยไม่เป่าผมให้แห้ง (เป็นนิสัยที่ทำมาเป็นปีโดยไม่เคยคำนึงถึงผลเสียเลย) ตอนเป็นเหมือนกับช๊อตไปเลยค่ะ ตื่นขึ้นมาหูอื้อไปข้างหนึ่งและได้ยินเสียงหึ่งๆ ตลอดเวลา ประมาณ 2-3 วัน หลังจากหูหายอื้อ จากเสียงหึ่งกลายเป็นเสียงจิ้งหรีดแทน เรียนถามว่า 1. ทางแพทย์แผนไทยมีทางรักษาหรือไม่ค่ะ???? ขอความกรุณาคุณหมอตอบด้วยนะค่ะ ตอนนี้กำลังคิดจะไม่หาหมอที่ รพ.กรุงเทพฯ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น อาการเสียงซาอื้อ วันที่ตอบ 2010-03-23 13:44:34 IP : 125.25.234.85 |
ความคิดเห็นที่ 28 (3164588) | |
นายโรเจอร์ วิสเนอร์ ทรัวบาดัวร์ส นักวิจัยมหาวิทยาลัยเวสต์ฟาเลียน วิลเฮล์ม ร่วมกับโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยมึนสเตอร์ ประเทศเยอรมนี ประสบความสำเร็จในการลดเสียงรบกวนที่เกิดขึ้นในผู้ป่วยเป็นโรคทินิทัส จนเกิดภาวะหูตึงด้วยดนตรีดัดแปลงพิเศษ โดยอาศัยหลักการกรองคลื่นความถี่เฉพาะจากดนตรีที่ตรงกันกับความถี่ของเสียงที่เกิดขึ้นในผู้ป่วยออกไปแล้วให้ผู้ป่วยฟังเสียงดนตรีพิเศษนี้สัปดาห์ละ 12 ชั่วโมง | |
ผู้แสดงความคิดเห็น แลเตอร์รอล อินฮิลบิชั่น วันที่ตอบ 2010-03-23 14:01:03 IP : 125.25.234.85 |
ความคิดเห็นที่ 29 (3164604) | |
ดิฉันมีปัญหาจะเรียนถามคุณหมอดังนี้ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น หูอื้อ วันที่ตอบ 2010-03-23 14:39:52 IP : 125.25.234.85 |
ความคิดเห็นที่ 30 (3164607) | |
นักวิจัยมหิดลเตรียมเดินเครื่องปลูกถ่ายเซลล์ประสาทหูด้วย สเต็มเซลล์จากตัวอ่อน | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ปลูกถ่ายเซลล์ประสาทหู วันที่ตอบ 2010-03-23 14:54:20 IP : 125.25.234.85 |
ความคิดเห็นที่ 31 (3164610) | |
ผม ก็ เป็น อีก คน คับ เป็น มา แล้ว 16 ปี สาเหตุ มา จาก ไป สอบ ยิง ปืน สงคราม ตอน เป็น ร.ด. ไม่ เข้าใจ ว่า ทำไม ครู ฝึก ถึง ไม่ เห็น ความ สำคัญ ของ หู ก็ ไม่รู้ น่า จะ ให้ นักเรียน เตรียม อะไร มา อุด หู ไอ้ เรา ก็ ไม่รู้ ว่า มัน จะ มี ผล ขนาด นี้ หรือ ว่า เป็น เวร เป็น กรรม ตอน ที่ ยิง นัด แรก มัน จะ ปวด กระแทก เข้าไป ใน หู แล้ว เริ่ม ปวด มาก ใน นัด ต่อ ไป พอ เสร็จ สิ้น หู อื้อ หลุด โลก เลย รอ ว่า มัน จะ หาย เอง ผ่าน มา เป็น วัน ๆ ก็ ไม่ หาย แย่ แล้ว เรา เลย ไป หา หมอ ๆ เลย ตรวจ ดู ด้วย ตา ก่อน ปราก ฎ ว่า เส้นเลือด ฝอย ใน หู แตก ต่อ มา ตรวจ ด้วย เครื่อง ส่ง ความถี่ เสียง เพื่อ ตรวจ การ ได้ยิน ปราก ฎ ว่า ยอด เสียง แหลม เรา จะ ไม่ ได้ยิน อีก ต่อ ไป หมอ ให้ ยา มา กิน ก็ดี ขึ้น หน่อย แต่ ก็ เพียง เท่านั้น แล้ว เสียง ใส ๆ ของ เหรียญ ที่ ตก พื้น เรา ไม่ ได้ยิน แล้ว มัน มี แต่ เสียง แก ร็ ก ๆ ไม่ใช่ กิ้ ง ๆ แล้ว แล้ว ก็ มีเสียง เหมือน คลื่น ความถี่ สูง วี้ ๆ ดัง ใน หัว หรือ ใน สมอง ตลอด เวลา ยิ่ง เวลา เงียบ ๆ จะ ดัง มาก ตอน นี้ ทำใจ ได้ แล้ว แต่ ก็ มี บาง ครั้ง ที่ รำคาญ มาก ไม่ อยาก ให้ มัน ดัง ไป กว่า นี้ เลย ยิ่ง ตอน เป็น หวัด จะ ดัง มากกว่า เดิม อีก โรค นี้ เป็น โรค ใหม่ ที่ เพิ่ง มี การ ตั้ง ชื่อ ขึ้น ความ จริง มี คน ป่วย ด้วย โรค นี้ มา นาน และ มี จำนวน ไม่ น้อย เลย ทีเดียว ชื่อ โรค มา ดัง เปรี้ยง ป ร้าง ก็ เพราะ คน ที่ ป่วย คือ พ.ต.ท. ดร . ทักษิณ ชิน วัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ โด่งดัง นั่นเอง | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ร.ด. วันที่ตอบ 2010-03-23 15:08:08 IP : 125.25.234.85 |
ความคิดเห็นที่ 32 (3201231) | |
ดิฉัน หูดับมา2 เดือน แล้ว ไม่มีท่าที ว่าจะดีขึ้น เลย | |
ผู้แสดงความคิดเห็น .... วันที่ตอบ 2010-08-06 21:10:46 IP : 113.53.247.194 |
ความคิดเห็นที่ 33 (3273412) | |
มีโรงพยาบาลไหนแนะนำให้ไปตรวจหรือป่าวครับ... | |
ผู้แสดงความคิดเห็น No comment วันที่ตอบ 2010-11-16 17:46:22 IP : 58.137.196.40 |
ความคิดเห็นที่ 34 (3315348) | |
ดิฉันเป็นโรคทางกรรมพันธู์ คุณพ่อเป็นโรคนี้ ดิฉันเป็นตอนอายุ53ปี ข้างช้าย 85 ข้างขวา 40 ระดัยค่อนข้างรุนแรง ได้ไปโรงพยาบาล หมอให้ใส่เครื่องช่วยฟัง ซึ่งใส่ก็ยังไม่ได้ยินลูกน้องพูดคุยหรือสั่งงานยากมาำก ซึ่งเมื่อประมาณ2ปีได่ดิฉันทำงานอย่างมีความสุขตามความสามารถท่ีทำอยู่ บั่นทอนความมั่นใจไปถึง50 เปอร์เซนต์ ดิฉันใช้เครื่องฟังประมาณ เกือบ 8เดือนแต่รู้สึกมีปํญหา เครื่องก็ราคาแพงแต่ใข้ไม่ได้อยากท่ีหวัง ใตรบ้างที่มีปัญหาเช่นเดียวกับดิฉัน แล้วเจอเครื่องฟังที่ใช้ช่วยบอกยี่ห้อหรือหมอให้ได้ไหม ขอบคุณค่ะ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น สาวเกียรติ (somjaikiat001-at-gmail-dot-com)วันที่ตอบ 2011-10-18 22:02:26 IP : 182.53.3.108 |
ความคิดเห็นที่ 35 (3333632) | |
คือ ว่าเคยหูอื้อมาก่อนเหมือนกันค่ะ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น pearly วันที่ตอบ 2012-05-14 14:19:51 IP : 58.137.157.151 |
ความคิดเห็นที่ 36 (3345775) | |
ไม่อยากมีชไมป่วยเป็นประสาทหูด้บ 2 ข้าง ได้ยินน้อยมากเกือบไม่ได้ยิน หมดกําลังใจมากไม่อยากมีชีวิตอยู่ในโลกเลย เบื่อหน่ายชีวิตมาก | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ผู้ป่วยที่ท้อแท้และสิ้นหวัง วันที่ตอบ 2012-09-24 11:18:34 IP : 110.164.68.133 |
ความคิดเห็นที่ 37 (3345777) | |
,มีใครป่วยเป็ยโรคประสาทหูดับ แล้วพบความโชคดี กลับมาได้ยินดังปกติ เขียนข้อความมาให้กําลังใจกันบ้าง | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ผู้รอคอยกําลังใจ วันที่ตอบ 2012-09-24 11:29:39 IP : 110.164.68.133 |
ความคิดเห็นที่ 38 (3407195) | |
แนะนำยาสมุนไพรแท้100%ครับ รับให้คำปรึกษา ติดต่อด้านล่างเลยครับ
http://www.doctorforyou.biz/?page_id=3594 | |
ผู้แสดงความคิดเห็น yaforyou (yaforyou2015-at-gmail-dot-com)วันที่ตอบ 2015-09-24 13:37:01 IP : 49.49.33.144 |
ความคิดเห็นที่ 39 (3414483) | |
แบ่งปันค่ะ ประโยค "OH MY GOD" กลายเป็นชื่ออาหารเสริม OMG เพราะสาวๆชอบอุทานออกมา >..< | |
ผู้แสดงความคิดเห็น คันหู วันที่ตอบ 2016-07-25 17:12:49 IP : 49.48.173.247 |
ความคิดเห็นที่ 40 (4159657) | |
หูเสื่อมแบบ_หูตึงและได้ยินแต่แปลความหมายไม่ได้_หมอบอกเสื่อมตามวัย_รักษาไม่หาย_ให้ออกกำลัง กินยามามาก_รักษาหลายโรงพยาบาล_ฝังเข็ม....ไม่ดีขึ้นมีแต่เสื่อมลง_ดูทีวีไม่รู้เรื่อง(ใช้วิธีอ่านถ้ามีบรรยาย) พูดทางโทรศัพย์ไม่รู้เรื่อง_ใช้หูฟังคู่ละ 52,000บาท_ช่วยได้บ้างระยะใกล้ ในชีวิตประจำวันในครอบครัวพอสื่อสารกันได้_บางครั้งเขาต้องเขียนช่วยบ้าง_ไม่เครียดเพราะยังไม่เป็นศูนย์_ยังซื้อของกินได้_อายุ 78 ปี อยากทราบว่า ยาที่โฆษณาอยู่ในเนทชื่อ...Aural +เชื่อถือได้เพียงใด_มีอย.หรือไม่ ถ้าดีจริงทำไมไม่ขายอย่างเปิดเผย ได้เงินและได้กุศลด้วย_เปิดดูทีไรจะพบตัวเลข..เวลาลดลงเป็นวินาฑีเร่งเร้าให้ซื้อจะได้ลด 50% ...นายแพทย์ นฤดล เฮงเจริญที่ร่วมสนับสนุนยานี้ มีตัวตนจริงหรือไม่_อยู่สถาบันใด_ค้นดูในกูเกิลไม่มีตัวตน ในความรู้สึกคล้ายต้มตุ๋น_ขอให้ออกมาตอบโต้
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น โชคดี ปีมะโรง วันที่ตอบ 2019-02-17 23:05:17 IP : 58.9.169.23 |
ความคิดเห็นที่ 41 (4164990) | |
ความเห็นของท่าน โชคดีปีมะโรง ผมก้อรอตำตอบเหมือน กัน ทำไมไม่มีใครตอบเลยครับ จริงหรือเท็จคุณหมอคนนั้นมีตัวตนหรือป่าว ยาตัวนั้นช่วยได้จริงหรือป่าว รอ รอ รอ ครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ข้าวหอม วันที่ตอบ 2019-03-26 04:04:52 IP : 124.122.86.163 |
[1] |
Copyright © 2010 All Rights Reserved. |