Types of Cellulite

 เซลลูไลต์เกิดจากความบกพร่องของการไหลเวียนของเหลวในร่างกาย รวมทั้ง เนื้อเยื่อพังผืดของผิวเกิดการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากระบบฮอร์โมนพศหญิงเช่นอสโทรเจน มากเกินไป ทำให้ผนังกั้นชลล์ไม่แข็งแรงและเนื้อเยื่อรอบเซลล์ไขมันอ่อนแรง ส่งผลให้ รูปทรงของผัวเสียหาย ไขมันบ้างส่วนจะถูกเบียดไปใต้ชั้นผิวหนัง ทำให้เห็นพื้นผิวเป็นก้อน คลื่นและไม่เรียบเนียน จนกลายเป็นที่มาของคำว่า "ผิวเปลือกส้ม" นั้นเอง นอกจากนี้ ยังพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เพราะผู้ชายมีไขมันน้อยกว่าและมีกล้ามเนื้อมากกว่า ก็เลยไม่คอยมีไขมันสะสเว้นแต่ผู้ชายที่อ้วนมากเท่านั้น ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจกันก่อนว่าศัตรูตัวฉกาจของเรือนร่างสวยของเราที่เรียกว่า "เซลลูไลต์" นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร แล้วจะหาวิธีป้องกันและขจัดไปได้อย่างไร มาดูกัน

PRIMARY CELLULITE เซลลูไลต์ปฐมภูมิ เป็นเซลลไลต์ที่เกิดจากการบวมของเซลล์ไขมันซึ่งมีขนาด ใหญ่ขึ้น จนไปกองตัวหรือดึงรั้งเนื้อเยื่อพังผิดที่เชื่อมต่อ กับผิวหนัง ทำให้เกิดการดึงรั้งที่ผิดรูประหว่างชั้นของผิวหนัง ลักษณะเซลลูไลต์ประเภทนี้สามารถพบเห็นได้ทั่วไป และเกิดขึ้นได้ กับทุกคนโดยเฉพาะผู้หญิง ส่วนใหญ่พบที่บริเวณสะโพก และบั้นทำย เวลายืนหรือนั่งก็จะเห็นผิวเป็นก้อนหรือคลื่นชัดเจน แม้แต่คนรูปร่งผอมก็ยังมีเขลลูไลต์ได้เหมือนกัน

SECONDARY CELLULITE เซลลูไลต์ทุติยภูมิ เกิดจากผิวหลวมตัวและหย่อนคล้อยทำให้เห็นเขลลูไลต์เป็นก้อน ได้ชัดขึ้น แต่เมื่อใดที่ผิวได้รับการดึงรั้ง เซลลูไลต์ที่เห็นก็จะหายไป สาเหตุนั้นเกิดจากการที่ผิวที่ต้องโดนแสงแดดเป็นเวลานาน ทำให้ผิวเกิดความเสียหายและเสื่อมสภาพเร็ว หรือจากการ ลดน้ำหนักอย่างห้โหมผิดวิธี รวมทั้งจากความชาของผิวเมื่อวัยเพิ่ม มากขึ้นด้วย เป็นเซลลูไลต์ที่กำจัดยากคว่แบบแร และจำเป็นต้อง ใช้กรรมวิธีทางการแพทย์เพื่อช่วยทำให้ผิวตึงกระชับขึ้น

เซลลูไลต์เกิดขึ้นได้อย่างไร

มาเรียนรู้ขั้นตอนการก่อตัวของผิวเปลือกส้มนี้ด้วยกัน มันจะเกิดขึ้นตามลำดับดังนี้

เนื้อเยื่อพังผืดของ ผิวหนังเกิดความ กระด้างและแข็งตัว เนื้อเยื่อพังผืดหรือ Fibrous Bands ระหว่างผิวหนังชั้น ลึกและไขมันชั้นตื้นเกิด การแข็งตัวขยายบริเวณ กว้างขึ้นๆ เมื่อระบบไหล- เวียนของเหลวในร่างกาย บกพร่อง หรืออาจเกิดจาก ซอร์โมนเอสโทรเจนมาก เกินไป ทำให้ผนังกั้นเซลล์ อ่อนแอ เนื้อเยื่อรอบเซลล์ ไขมันอ่อนแรง ส่งผลให้ รูปทรงผิวเสียหาย ไขมัน บ้างส่วนถูกเบียดไปใต้ชั้น ผิวหนัง จนมองเห็นพื้นผิว เป็นก้อนคลื่นไม่เรียบเนียน

ขาดการไหลเวียน ที่ดีภายในร่างกาย เมื่อผิวหนังไม่ได้รับ สารอาหารไปเลี้ยงอย่าง สม่ำเสมอ ก็จะเริ่มมีสาร พิษก่อตัวสะสม ทำให้ เส้นเลือดฝอยที่ลำเลียง เลือดไปเลี้ยงร่งกายขยาย ตัวและอ่อนแอลง เซลล์ ไขมันก็จะไปกองตัวจับกัน เป็นกลุ่ม แทนที่จะกระจาย ตัวสม่ำเสมอบนผิว ในทาง ตรงข้ามหากการไหลเวียน มีประสิทธิภาพดี ก็จะขจัด ของเหลวส่วนเกินเหล่านั้น ออกไป และช่วยป้องกัน เซลล์ไขมันจากการเกาะ ติดกันได้

ผนังของซุลล์ไขมัน เกิดการเปลี่ยนแปลง ผนังด้านนอกของเซลล์ ไขมันเกิดการเปลี่ยนแปลง ตัวเอง จากที่เคยนุ่มและ ยืดหยุ่น กลายเป็นหนาตัว จับอยู่รอบๆ ดอลลาเจน ทำให้การไหลเวียนยากขึ้น และมีการคั่งของน้ำเหลือง ยิ่งผนังเซลล์ไขมันนี้หนา ตัวขึ้นเก่ไร มันก็จะยิ่งไป ดันเนื้อเยื่อพังผืดให้เกิด การบวมมากขึ้นเท่านั้น ทำให้ดูเหมือนเป็นการ บวมน้ำ แม้แต่คนผอมๆ ก็สามารถเกิดปัญหา ผิวไม่เรียบเนียนแบบนี้ ได้เช่นกัน

เนื้อเยื่อพังผืดเกิด การหดตัวและดึงรัด ผนังเซลล์ไขมัน เมื่อระบบการไหลเวียน ของเหลวในร่างกาย บกพร่อง เนื้อเยื่อพังผืดใน ผิวตามธรรมชาติจะหดตัว ไปรัดเซลล์ไขมันใต้ผิว แล้วเซลล์ไขมันที่ถูกรัดไว้ นั้นก็จะดันเบียดตัวขึ้นมา ชั้นบนผิว ทำให้เห็นเป็น รอยคลื่นชัดในลักษณะ ของเซลลูไลต์ นอกจากนี้ สารพิษและของเสียที่ สะสมจากการไหลเวียน ของเหลวที่ไม่ดี ก็จะส่งผล ให้ดอลลาเจนและอิลาสติน เกิดการเสื่อมสภาพ  

บทความโดย pussy888