พื้นอีพ็อกซี่เป็นที่นิยม และมักถูกนำไปใช้กับงานหลายประเภทอย่างกว้างขวาง โดยการใช้เป็นสารเคลือบพื้นผิวเรซินอีพ็อกซี่ที่สามารถนำไปใช้งานได้หลายแบบและใช้เป็นวัสดุผสมได้หลายประเภทด้วยเช่นกัน อาทิ วัสดุผสมคอนกรีตที่ประกอบไปด้วยทรายและหิน ช่วยให้ความแข็งแรงทนทาน ยืดเกาะผิวหน้า ตานทานต่อการเสียดสี นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับงานประดับตกแต่งได้อีกด้วย

แต่ก็มีข้อจำกัดคือ พื้นอีพ็อกซี่จะสามารถนำมาใช้กับพื้นผิวที่แห้งสะอาดเท่านั้น และคุณสมบัติของพื้นชนิดนี้จะทำงานได้ดีภายใต้เงื่อนไขอุณหภูมิคงที่ เมื่อเลือกการใช้งานที่เหมาะสมได้แล้ว การเคลือบพื้นชนิดนี้ ก็จะช่วยรักษาโครงสร้างของอุตสาหกรรมและความสมบูรณ์ของพื้นผิว ที่สำคัญยังช่วยป้องกันโครงสร้างอุตสาหกรรมได้อีกด้วย

เปรียบเทียบพื้นอีพ็อกซี่และพื้นโพลียูเทน กับโรงงานอุตสาหกรรม

1.คอนกรีตแห้งผ่านการทดสอบใช้พื้นอีพ็อกซี่ได้ http://สีพื้นโรงงาน.com/พื้นอีพ็อกซี่ – พื้นคอนกรีตทุกชนิดควรได้รับการทดสอบอัตราการซึมผ่านของไอน้ำ หรือ MVT ก่อนติดตั้งวัสดุเคลือบพื้นทุกชนิด หากผลการทดสอบอยู่ในพารามิเตอร์ตามมาตรฐานผู้ผลิตสารเคลือบพื้นผิว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นคอนกรีต อีพ็อกซี่ก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับงานอุตสาหกรรม

2.ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิแบบฉับพลัน พื้นโพลียูเทนจะเหมาะมากกว่าพื้นอีพ็อกซี่ - สำหรับโครงสร้างต่าง ๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันของอากาศและพื้นผิวที่เป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนการเคลือบพื้น ตามปกติแล้วพื้นโพลียูเทนจะเป็นวัสดุที่เหมาะสมที่สุด เนื่องจากพื้นโพลียูเทนมีคุณสมับิติในการขนายและหดตัวในอัตราเดียวกับพื้นผิวคอนกรีต ทำให้เกิดการตรึงกับที่ไม่ขยับเคลื่อนที่

3.ความชื้น - พื้นโพลียูเทนสามารถรับมือกับความชื้นได้ดีกว่าพื้นอีพ็อกซี่ ในเรื่องความเปียกของพื้นผิว และความอับชื้นอื่น ๆ โดยเฉพาะพื้นโครงสร้างของอุตสาหกรรมที่มีความชื้นสูง พื้นผิวของคอนกรีตไม่แห้ง แต่หากอยากใช้พื้นแบบอีพ็อกซี่ ก็ต้องทำให้พื้นเหล่านั้นแห้งสนิทดีเสียก่อน.